สถานที่ท่องเที่ยว จ. หนองคาย
![]() |
|
จังหวัดหนองคาย
เป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน
มีพื้นที่ส่วนใหญ่ติดฝั่งแม่น้ำโขง ตรงข้ามกับประเทศลาว มีพื้นที่แคบแต่ยาว
ประวัติเมืองหนองคาย ประวัติศาสตร์ของเมืองหนองคายเริ่มต้นเมื่อกว่า 200
ปีเศษ มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยว
โดยเฉพาะการชมบั้งไฟพญานาคในวันออกพรรษา
และสถานที่ท่องเที่ยวอื่นทั้งทางธรรมชาติ
และสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ของหนองคายที่น่าสนใจ
![]()
ตลาดท่าเสด็จ ตลาดสินค้าอินโดจีน
หรือ ท่าด่าน ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง ในเขตเทศบาลเมือง
เป็นแหล่งรวมสินค้าที่ในแถบอินโดจีนและยุโรปตะวันออกมีทั้งผลิตภัณฑ์อาหาร
แห้ง อาหารแปรรูป และข้าวของเครื่องใช้ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า
นาฬิกา เครื่องครัว เปิดจำหน่ายทุกวันเวลา 07.00-18.30 น.
มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศให้ความสนใจเดินทางมาเที่ยวชมและ
เลือกซื้อสินค้ามากมาย
นอกจากนี้ท่าเสด็จยังเป็นด่านสำหรับคนท้องถิ่นข้ามไปยังลาว
ส่วนนักท่องเที่ยวทั่วไปต้องใช้ด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว
สะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว
ตั้งอยู่ซอย 1-2 บ้านจอมมณี ตำบลมีชัย
เป็นสะพานข้ามแม่น้ำโขงขนาดใหญ่แห่งแรก
โดยเชื่อมต่อเทศบาลเมืองหนองคายเข้ากับนครหลวงเวียงจันทน์ ประเทศลาว หรือ
ท่านาแล้ง-หนองคาย เป็นสะพานแห่งแรกที่สร้างขึ้นด้วยความร่วมมือของ 3
ประเทศ คือ ออสเตรเลีย ลาว และประเทศไทย
นับว่าเป็นสะพานที่สร้างความสัมพันธ์ไทย-ลาว
ให้กระชับแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม
นอกจากนี้ยังเป็นจุดชมวิวแม่น้ำโขงที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง ตัวสะพานมีความยาว
1.20 กิโลเมตร กว้าง 15 เมตร มีช่องสำหรับเดินรถ 2 ช่องทาง
ซึ่งตรงช่วงกลางสะพานออกแบบไว้สำหรับสร้างทางรถไฟ
![]()
ศาลาแก้วกู่ หรือ วัดแขก
สร้างขึ้นเมื่อราวปี พ.ศ.2521 ตามความเชื่อว่าหลักคำสอนทุกศาสนา
งานปั้นอันใหญ่โตอลังการนี้มีทั้งพระพุทธรูปปางต่าง ๆ รูปเทพฮินดู
ตำนานพื้นบ้าน
น่าทึ่งกว่านั้นก็คือเทวรูปเหล่านี้ล้วนสร้างขึ้นจากจินตนาการของหลวงปู่บุญ
เหลือ และเป็นฝีมือของหลวงปู่และศิษยานุศิษย์เพียงไม่กี่คนเท่านั้น
โดยยึดหลักคำสอนของพุทธศาสนาเป็นแนวทางในการาก่อสร้าง เริ่มตั้งแต่วัฏสงสาร
บ่อเกิดแห่งการเกิด แก่ เจ็บ ตายของมนุษย์
โดยมีคำอธิบายอยู่ใต้ฐานเทวรูปเป็นภาษาไทยอีสาน ศาลากู่แก้ว
จึงถือเป็นสถานที่ซึ่งคล้ายพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่แสดงรูปปั้นทางศาสนาที่
สำคัญแห่งหนึ่งของหนองคาย
หาดจอมมณี
อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 2 กิโลเมตร ตามถนนเลียบแม่น้ำโขง
เป็นหาดทรายริมแม่น้ำโขงที่เกิดขึ้นเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง
ชายหาดมีความยาวประมาณ 200 เมตร ช่วงที่เหมาะในการไปเที่ยวคือเดือนเมษายน
ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวในจังหวัดและจากบริเวณจังหวัดใกล้เคียง
เดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อนเป็นจำนวนมาก จนได้รับการเรียกขานว่าเป็น
พัทยาอีสาน
อีกทั้งทิวทัศน์ในบริเวณหาดทรายยังสามารถมองเห็นบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-ลาว
ได้อย่างชัดเจน
![]()
อาคารโบราณจวนผู้ว่าฯ เก่า
จวนข้าหลวงประจำจังหวัดหนองคาย เป็นสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล (FRENCH
COLONIAL) เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนทรงปั้นหยามีมุขหน้า เริ่มก่อสร้างเมื่อ
พ.ศ.2469 โดย พระปทุมเทวาภิบาล (เยี่ยม เอกสิทธิ์ หรือ ปทุมเทวาภิบาล)
ข้าหลวงประจำจังหวัดหนองคายท่านแรก เป็นแหล่งศึกษาศิลปะแบบโคโลเนียล
ฝรั่งเศสแห่งหนึ่งที่ยังคงเหลืออยู่ในจังหวัดหนองคาย
รวมมีข้าหลวงประจำจังหวัด และผู้ว่าราชการจังหวัดพำนักรวม 34
ท่านวันเวลาเปิดทำการ ทุกวัน เวลา 08.30 18.00 น. ไม่เสียค่าเข้าชม
จดหมายขออนุญาต/ โทรศัพท์แจ้งการนัดหมายก่อนล่วงหน้าเป็นเวลา 7 วันทำการ
![]()
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว
เป็นหน้าผาสูงชัน ทางทิศตะวันออก แล้วค่อยลาดไปทางทิศตะวันตกจุดสูงสุดคือ
ภูวัวเหนือถ้ำสูงซึ่งสูงจากระดับน้ำทะเล 448 ฟุต
ลักษณะหินบนภูวัวโดยทั่วไปเป็นหินทราย มีลำห้วยใหญ่ ๆ คือ ลำห้วยชะแนน
ซึ่งไหลลงสู่แม่น้ำโขงอีกที เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว มีจุดที่น่าสนใจ
น่าท่องเที่ยวอยู่หลายแห่ง คือ น้ำตกชะแนน อยู่ติดกับหน่วยพิทักษ์ป่าชะแนน
ซึ่งมีน้ำตกที่สวยงามมาก และธรรมชาติของขัวหิน (สะพานหิน)
ที่น้ำตกลงมาแล้วหายไปจากพื้นดิน ลอดใต้ขัวหินออกไป และน้ำตกเจ็ดสี
อยู่ใกล้กับหน่วยพิทักษ์ป่า ดอนเสียด น้ำตกถ้ำพระ ภูวัว เหนือถ้ำน้ำพราย
น้ำตกถ้ำฝุ่น ผาสี่แจ ถ้ำหินตั้ง ลานอเมริกา
หลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ
ประดิษฐานอยู่ที่วัดศรีชมภูองค์ตื้อ บ้านน้ำโมง
เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่หล่อด้วยทอง ฝีมือของช่างฝ่ายเหนือและช่างล้านช้าง
เป็นพระพุทธรูปที่มีลักษณะงดงามมาก นั่งขัดสมาธิปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง
3.29 เมตร สูง 4 เมตร
เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ประชาชนทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขงเคารพนับถือมาก
จากหลักฐานศิลาจารึกทำให้ทราบว่า พระเจ้าองค์ตื้อสร้างเมื่อพุทธศักราช 2105
ผู้สร้างคือ พระไชยเชษฐา กษัตริย์นครเวียง หล่อโดยใช้ทองคำ ทองเหลือง
และเงินผสมกัน รวมน้ำหนักได้ 1 ตื้อ (ตื้อ เป็น มาตราโบราณของอีสาน)
ใช้เวลาในการสร้าง 7 ปี 7 เดือน
ทางการเดินทางจากตัวเมืองหนองคายใช้ทางหลวงหมายเลข 2 ทางไปอุดรธานี
เลี้ยวเข้าเส้นทางหมายเลข 211 สายหนองคาย-ท่าบ่อ ถึง กม.ที่ 31
จะเห็นป้ายบอกทางเข้าวัดเลี้ยวซ้ายเข้าไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร
![]()
วัดโพธิ์ชัย เดิมชื่อ วัดผีผิว
วัดนี้ใช้เป็นที่เผาผีหรือเผาศพ และมีผีดุ ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อใหม่
เป็นวัดโพธิ์ชัย ใน สมัยกรุงรัตนโกสินทร์
ปัจจุบันเป็นสถานที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระใส
ซึ่งเป็นพระพุทธรูปขัดสมาธิราบปางมารวิชัย สมัยเชียงแสน ชั้นหลัง
หล่อด้วยทองสุก (ทองคำ ที่มีเนื้อทองคำบริสุทธิ์ ประมาณ 92 เปอร์เซนต์
สีทองคำจะมีสีเหลืองเข้ม เรียกว่า สีทองสุก) มีพระพุทธลักษณะงดงามมาก
ขนาดหน้าตักกว้าง 2 คืบ 8 นิ้ว สูงจากเบื้องล่างพระชงฆ์ ถึงยอดพระเกศ 4 คืบ
1 นิ้ว มีห่วงกลมขนาด หัวแม่มือจำนวน 3 ห่วง
ติดกับพระแท่นซึ่งหล่อติดกับองค์พระใส
สำหรับผูกเชือกติดกับยานเวลาที่อัญเชิญลงมาแห่รอบเมืองให้ประชาชน
ได้สรงน้ำในช่วงวันสงกรานต์
น้ำตกธารทอง อยู่ในเขตบ้านผาตั้ง
หมู่ที่ 1 ตำบลผาตั้ง การเดินทางใช้เส้นทางหนองคาย-ศรีเชียงใหม่-สังคม
(ทางหลวงหมายเลข 211) ผ่านบ้านไทยเจริญ แล้วต่อไปบ้านผาตั้ง
น้ำตกธารทองจะอยู่ริมทางด้านขวามือ บริเวณหลักก.ม.ที่ 74
ก่อนถึงตัวอำเภอประมาณ 11 กิโลเมตร น้ำตกธารทอง เป็นน้ำตก
ที่ตกจากหน้าผาสูงประมาณ 30 เมตร เป็นระยะลดหลั่นกันไป
ตอนล่างเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่และลานหิน
ในแอ่งน้ำสามารถลงไปเล่นน้ำและอาบน้ำได้
ช่วงที่เหมาะสมคือเดือนมิถุนายน-ตุลาคม
![]()
พระธาตุบังพวน
ตั้งอยู่ในวัดพระธาตุบังพวน บ้านดอนหมู ตำบลพระธาตุบังพวน
อำเภอเมืองหนองคาย พระธาตุบังพวนเป็นเจดีย์เก่าแก่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
ตัวองค์พระธาตุเดิมสร้างด้วยศิลาแลง อิฐดินเผา เป็นเจดีย์ทรงสี่เหลี่ยม
พ.ศ. 2210
ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบท้องถิ่นเป็นสถูปแบบอินเดียรุ่นเดียวกับองค์พระปฐม
เจดีย์ ต่อมาได้พังทลายลงเมื่อเดือน มิถุนายน พ.ศ. 2513 เนื่องจากการทรุด
เจดีย์องค์ปัจจุบันได้รับการบูรณะขึ้นใหม่รูปปรางสี่เหลี่ยมต่อกันเป็นบัว
ปากระฆัง โบราณวัตถุภายในวัดพระธาตุบังพวน ได้แก่ พระพุทธรูปใหญ่ 1 องค์
พระปางนาคปรก 1 องค์ ศิลาจารึก 1 หลัก พระธาตุบังพวน พระปรางค์ 3 องค์
เจดีย์เล็ก 7 องค์ การเดินทางจากตัวเมืองหนองคาย ตามทางหลวงหมายเลข 2
(หนองคาย-อุดรธานี) ประมาณ 11 กิโลเมตร แล้วแยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 211
ทางไปท่าบ่ ถึงกิโลเมตร 10 วัดอยู่ทางด้านขวามือ
|